ขนมข้าวเกรียบว่าว ร้อยเอ็ด
“ข้าวเกรียบว่าว” สัมผัสบางกรอบ รสหวานละมุน
“ข้าวเกรียบว่าว” แผ่นข้าวสีขาวนวลย่างให้เหลืองพองกรอบ ขนมขบเคี้ยวแสนอร่อยที่อยู่คู่ชาวไทยมานาน โดยคนเหนือเรียกว่า “ข้าวครวบ” “เข้าตวบ” หรือ “เข้าพอง” พี่น้องชาวอีสานเรียก “ข้าวโป่ง” หรือ “ข้าวเขียบ” ขณะที่คนใต้รู้จักกันในนาม “ข้าวเกรียบเหนียว”
“ข้าวเกรียบว่าว” แผ่นข้าวสีขาวนวลย่างให้เหลืองพองกรอบ ขนมขบเคี้ยวแสนอร่อยที่อยู่คู่ชาวไทยมานาน โดยคนเหนือเรียกว่า “ข้าวครวบ” “เข้าตวบ” หรือ “เข้าพอง” พี่น้องชาวอีสานเรียก “ข้าวโป่ง” หรือ “ข้าวเขียบ” ขณะที่คนใต้รู้จักกันในนาม “ข้าวเกรียบเหนียว”
แม้ในอดีตข้าวเกรียบว่าวเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นของกินเล่นยอดฮิต ทว่าปัจจุบันความนิยมเริ่มซาไปเด็กรุ่นใหม่แทบไม่รู้จัก ขณะที่ผู้ใหญ่หลายคนก็เริ่มหลงลืม เราจึงอยากชวนคุณรำลึกถึงของกินเล่นชนิดนี้กันอีกสักครั้งโดยมี คุณวิรัตน ปานบุญ แม่ค้าข้าวเกรียบว่าวชาวสิงห์บุรี ผู้สืบทอดเทคนิคการทำข้าวเกรียบว่าวสูตรดั้งเดิมของชาวสิงห์บุรีจากคุณยาย มาเผยกรรมวิธีการทำข้าวเกรียบว่าวแบบครบถ้วนทุกขั้นตอน
ส่วนผสม (สำหรับ 28 แผ่นโดยประมาณ) เตรียม 20 นาที (ไม่รวมเวลาแช่ข้าว) ปรุง 1 ชั่วโมง (ไม่รวมเวลาตากแดด)
- ข้าวเหนียวดิบ 1-2 กิโลกรัม
- น้ำตาลปี๊บ 2 ขีด
- น้ำมันมะพร้าว 40 กรัม
- ไข่เป็ดต้ม (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
- น้ำที่เหลือจากการแช่ข้าวทั้งหมด
วิธีทำ
1. ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำ 6 - 8 ชั่วโมง นำไปนึ่งจนสุกนิ่ม ระหว่างนี้ให้ต้มไข่เป็ดไว้ในหม้อนึ่งข้าวพร้อมกัน
2. พอข้าวสุกเทใส่ครกไม้ แล้วตำข้าวเหนียวให้นิ่มละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน หากข้าวเหนียวแข็งเกินไปให้เติมน้ำแช่ข้าวแล้วตำต่อจนนิ่ม (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
3. ผสมน้ำตาลปี๊บกับน้ำแช่ข้าวจนนิ่ม ใส่ลงครกข้าวเหนียวแล้วตำจนเข้ากัน เมื่อเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้ชักนวลแป้งให้ทั่วทั้งครกใช้เวลาประมาณ 5 นาที
4. ยีไข่แดงต้มสุกผสมกับน้ำมันมะพร้าวแล้วทาให้ทั่วมือและกระติกเก็บความร้อนแล้วใส่ส่วนผสมข้าวเกรียบว่าวซึ่งได้ที่แล้วลงในกระติกเก็บความร้อน ปิดฝาให้สนิท
5. แบ่งส่วนผสมข้าวเกรียบจากกระติกเก็บความร้อนขึ้นมาครั้งละ 150 กรัม ยืดแป้งออกให้ยาว นำสองด้านพับทบกัน แล้วดึงต่ออีกประมาณ
3 ครั้งเพื่อเป็นการชักนวลแป้งด้วยมือ แล้วจึงแบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ก้อนละ 30 กรัม
6. คลึงแป้งบนแผ่นพลาสติกให้ได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร หนาเท่ากันทั้งแผ่น นำไปวางบนเสื่อกกชนิดกลม แล้วนำไปตากแดด (หากแดดแรง ตากด้านละประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมื่อแห้งแล้วให้กลับอีกด้านขึ้นตาก เมื่อแห้งทั้งสองด้านแล้วนำมาปิ้งรับประทานได้ทันที
1. ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำ 6 - 8 ชั่วโมง นำไปนึ่งจนสุกนิ่ม ระหว่างนี้ให้ต้มไข่เป็ดไว้ในหม้อนึ่งข้าวพร้อมกัน
2. พอข้าวสุกเทใส่ครกไม้ แล้วตำข้าวเหนียวให้นิ่มละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน หากข้าวเหนียวแข็งเกินไปให้เติมน้ำแช่ข้าวแล้วตำต่อจนนิ่ม (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
3. ผสมน้ำตาลปี๊บกับน้ำแช่ข้าวจนนิ่ม ใส่ลงครกข้าวเหนียวแล้วตำจนเข้ากัน เมื่อเป็นเนื้อเดียวกันแล้วให้ชักนวลแป้งให้ทั่วทั้งครกใช้เวลาประมาณ 5 นาที
4. ยีไข่แดงต้มสุกผสมกับน้ำมันมะพร้าวแล้วทาให้ทั่วมือและกระติกเก็บความร้อนแล้วใส่ส่วนผสมข้าวเกรียบว่าวซึ่งได้ที่แล้วลงในกระติกเก็บความร้อน ปิดฝาให้สนิท
5. แบ่งส่วนผสมข้าวเกรียบจากกระติกเก็บความร้อนขึ้นมาครั้งละ 150 กรัม ยืดแป้งออกให้ยาว นำสองด้านพับทบกัน แล้วดึงต่ออีกประมาณ
3 ครั้งเพื่อเป็นการชักนวลแป้งด้วยมือ แล้วจึงแบ่งแป้งเป็นก้อนกลม ก้อนละ 30 กรัม
6. คลึงแป้งบนแผ่นพลาสติกให้ได้ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 เซนติเมตร หนาเท่ากันทั้งแผ่น นำไปวางบนเสื่อกกชนิดกลม แล้วนำไปตากแดด (หากแดดแรง ตากด้านละประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เมื่อแห้งแล้วให้กลับอีกด้านขึ้นตาก เมื่อแห้งทั้งสองด้านแล้วนำมาปิ้งรับประทานได้ทันที
H&C Tips
*ข้าวเกรียบที่แห้งพอดี ผิวจะแห้งมันวาวดึงแล้วยืดหยุ่นเล็กน้อย (ถ้าเหนียวและแข็งกระด้างแสดงว่าตากแดดจนแห้งเกินไป)
*แป้งข้าวเกรียบว่าวที่ตากแห้งแล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกกันลมเข้าไว้ได้นาน 1 เดือนหากไม่มีเสื่อกก สามารถตากข้าวเกรียบบนแผ่นพลาสติกแล้วรองด้วยถาดแบนได้
*หากไม่มีไม้ไผ่จักเป็นซี่ สามารถใช้ตะแกรงสำหรับปิ้งอาหารแทนได้ โดยวางตะแกรงไว้เหนือเตาไฟ แล้วใช้คีมสำหรับคีบอาหารกลับแผ่นข้าวเกรียบว่าวไปมาจนสุก
*แป้งข้าวเกรียบว่าวที่ตากแห้งแล้วเก็บใส่ถุงพลาสติกกันลมเข้าไว้ได้นาน 1 เดือนหากไม่มีเสื่อกก สามารถตากข้าวเกรียบบนแผ่นพลาสติกแล้วรองด้วยถาดแบนได้
*หากไม่มีไม้ไผ่จักเป็นซี่ สามารถใช้ตะแกรงสำหรับปิ้งอาหารแทนได้ โดยวางตะแกรงไว้เหนือเตาไฟ แล้วใช้คีมสำหรับคีบอาหารกลับแผ่นข้าวเกรียบว่าวไปมาจนสุก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น